ประวัติความเป็นมาของตำบลบ้านติ้ว ไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัดว่า เริ่มต้นถิ่นฐานมาตั้งแต่เมื่อใด คาดว่าไม่ต่ำกว่า 500 ปี จากการที่เล่าสือต่อกันมาว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้อพยพมาจากเวียงหรือกรุงศรีสิตนาคนหุตลงมาทางได้ มาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ทำไร่นาอยู่ที่พุทธนาเวียง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และได้อพยพติดตามกันมาเรื่อย ๆทุกปี ทำให้ผู้คนมากขึ้น ทำให้ที่ทำกินลด น้อยลง และเป็นเหตุให้อพยพต่อไปอีกโดยข้ามเทือกเขามาทางทิศตะวันตก เพื่อแสวงหาที่ทำกินต่อไป จึงได้พบผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำและพื้นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูก จึงได้ตั้งถิ่นฐานขึ้น ครั้งแรกที่บ้านท่าช้างสันนิษฐานว่าคงเดินทางด้วยขบวนช้างเป็นจำนวนมาก จึงได้สร้างวัดท่าช้างขึ้น และปัจจุบันมีรูปช้าง 2 ตัว เข้าประตูวัดท่าช้าง ต่อจากนั้นก็มีผู้คนมากขึ้นทำให้ที่ทำกินลกน้อยลงอีก ก็จึงได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานขึ้นอีก ครั้งที่ 2 สันนิษฐานว่าคงมีป่าติ้วอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อจัดตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้นมาแล้ว จึงเรียนว่าบ้านติ้ว หลักฐานอ้างอิงว่าคนบ้านติ้วบรรพบุรุษร่วมกับคนไทยกับพุทธนาเวียง ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทร์ ด้วยการพูดสำเนียงเดียวกัน เช่น อีเปี๋ยง ปิสัง หมากผาง เหมือนกัน และการสร้างวัดก็ได้สร้างวัดศรีภูมิ ชาวบ้านเรียกว่าวัดใหญ่ในสมัยนั้น สร้างงเมื่อปี พ.ศ. 2230 ก็ได้พระภิกษุจากเวียงจันทร์มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จะเห็นได้ว่าจากถาวรวัตถุคือเจดีย์ ซึ่งสร้างจากศรัทธาชาวเวียงจันทร์บรรจุอัฐิของพระครูชาหลักคำ (น้อย) อันเป็นธรรมเนียมสมณศักดิ์ซึ่งปรากฎอยู่ที่วัดศรีภูมิหรือวัดใหญ่ ต่อมาก็มพระน้องชายชื่อพระครูสังฆราชตามมาจึงได้ไปสร้างวัดใต้ขึ้นที่อยู่ติดกันกับวัดใหญ่ มีการสร้างโรงเรียนขึ้นโดยใช้ชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนสังฆราชบำรุง สมัยนั้นเดิมตำบลบ้านติ้วเป็นตำบลห้วยไร่